10 กิจกรรม Geek Geek ที่ช่วยเพิ่มแรงบันดาลใจได้

คุณเคยเป็นมั้ย คือแบบ มันจะมีบางช่วงที่ชีวิตซึมเศร้าเหงาหงอย ไม่มีพลัง ไม่มีแรงบันดาลใจจะทำอะไรเอาซะเลย เบื่อหน่ายไปหมดกับหลายๆ สิ่งรอบตัว เราขอแนะนำคุณว่า อย่าปล่อยให้ชีวิตจมอยู่กับอาการแบบนี้นานเกินไปนะคะ ถ้าปล่อยไว้นานเกินไปอาจทำให้กลายเป็นคนซึมเศร้าได้ วันนี้ Geekway ขอเสนอกิจกรรมที่คุณควรทำเพื่อเติมเต็มพลังด้านความคิดสร้างสรรค์และจิตวิญญาณ ไม่ว่าจะดำดิ่งอยู่ในสภาวะไหน หาทางลุกขึ้นมาทำสักข้อนี้ให้ได้ แล้วชีวิตของคุณจะเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจอีกครั้งอย่างแน่นอน
1.ตั้งจุดมุ่งหมายให้ชีวิตในแต่ละวัน
ชีวิตเป็นแบบที่เราสร้างให้มันเป็น ทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจ ความซึมเศร้าเหงาหงอยเองก็เหมือนกัน เราสร้างมันขึ้นมาแบบไม่ตั้งใจ ดังนั้น ให้คุณตื่นมาทุกวันพร้อมกับความตั้งใจที่คุณตั้งเอาใว้ให้ตัวเองทุกวันในตอนเช้า วิธีการคือ ให้คุณเขียนใส่กระดาษโน้ตว่าพรุ่งนี้เช้าคุณจะตื่นมาแล้วจะรู้สึกยังไง เช่น “วันนี้ฉันจะตื่นและออกไปใช้ชีวิตให้สนุกๆ สุดๆ ไปเลย!” เป็นต้น แล้วสิ่งแรกที่คุณจะต้องทำคืออ่านกระดาษโน้ตที่เป็นความตั้งใจดีๆ ของคุณนี่ทุกเช้า แล้วทำมันให้สำเร็จ แค่นี้คุณก็จะสร้างความรู้สึกดีๆ ให้แก่ตัวเองได้แล้ว
2.เขียนไดอารี่ของสิ่งดีๆ และความประทับใจในแต่ละวัน
เมื่อคุณมีความตั้งใจที่จะใช้ชีวิตแบบสุดยอดในทุกๆ วันแล้ว แต่มันก็เป็นไปได้ที่จะมีเรื่องไม่เป็นอย่างใจเกิดขึ้นบ้าง เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ช่างมัน! คุณไม่จำเป็นต้องไปให้ความสนใจมันมาก สิ่งที่คุณควรสนใจคือเรื่องที่ดีๆ เรื่องที่น่าประทับใจในแต่ละวันต่างหาก มันเป็นไปไม่ได้หรอกน่า ที่ชีวิตคนๆ นึงจะมีแต่เรื่องน่าเบื่อ แต่ที่คุณมองไม่เห็นเรื่องที่น่าสนุก ตื่นเต้น น่ารัก หรือเรื่องดีๆ อย่างอื่น เป็นเพราะคุณยังไม่เคยตั้งใจมองดูมันจริงๆ เช่น ที่ทำงานมีกาแฟให้ดื่มฟรี มีร้านดอกไม้สวยๆ อยู่ตรงมุมถนน อาหารกลางวันอร่อย วันนี้ใช้เงินไม่เกินงบ อะไรก็ได้เล็กๆ น้อยๆ ลองเขียนมันออกมาสัก 5 ข้อต่อวัน สละเวลา 10 นาทีต่อวันเพื่อทำเรื่องน่ารักๆ นี่ แล้วคุณจะเห็นว่ายิ่งนานวันไป ชีวิตของคุณจะยิ่งมีสิ่งดีๆ เยอะขึ้นในแต่ละวัน
3.วางแผนการชีวิต
เป็นเรื่องที่น่าตกใจที่หลายคนไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่เรามีชีวิตเดียวแต่เรากลับละเลยที่จะวางแผนการในแต่ละวัน แต่ละเดือน หรือแต่ละปี นี่อาจจะเป็นหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้ชีวิตพวกเราน่าเบื่อ เมื่อคุณไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร เกิดมาเพื่ออะไร และเป้าหมายชีวิตคืออะไร มันทำให้คุณไม่รู้ทิศทางชีวิตว่าต้องเดินไปทางไหน ทุกวันตื่นขึ้นมาก็ออกเดินทางไปเรื่อยๆ ซึ่งนั่นเป็นอะไรที่ทำร้ายจิตวิญญาณข้างในของคุณได้แน่นอน มาค่ะ! มาเริ่มต้นวางแผนให้ชีวิต แล้วทำชีวิตให้สอดคล้องต่อเป้าหมายและแผนการนั้น การวางแผนชีวิตไม่มีกฏเกณฑ์ที่ตายตัว ใแล้วแต่คุณเลยว่าจะดีไซน์มันออกมายังไง บางคนอยากเห็นผลลัพท์ชีวิตในแต่ละปี ก็อาจจะตั้งเป้าหมายใว้แล้วแพลนออกมาว่า ปีนี้แต่ละเดือนจะทำอะไรบ้าง บางคนอาจจะทำแพลนระยะยาวไปเลย ปี สามปี ห้าปี หรือสิบปี ก็ไม่มีอะไรผิด อยากเห็นชีวิตเปลี่ยนไปยังไง ร่างแผนการออกมาค่ะ
4.ตั้งเป้าหมายในการอ่านหนังสือ
คุณมีหนังสือที่คุณสนใจแล้วเริ่มอ่าน แต่ถึงตอนนี้คุณก็อ่านไม่จบบ้างมั้ย? ถ้ามี นั่นอาจจะเป็นเพราะคุณยังไม่เคยตั้งเป้าหมายในการอ่านแบบจริงจัง การอ่านหนังสือนั้นนอกจากจะช่วยเปิดโลกทัศน์ของเราได้แล้ว มันยังช่วยในเรื่องแรงบันดาลใจใหม่ๆ มีสมาธิมากขึ้น สมองสดชื่นขึ้น ไม่เสี่ยงเป็นอัลไซเมอร์และโรคสมาธิสั้น เพราะจิตจะไม่วิ่งพล่านเหมือนเวลาเราสไลด์หน้าจออย่างแน่นอน การตั้งเป้าหมายในการอ่านหนังสือก็ง่ายๆ เลย นั่นคือเมื่อคุณซื้อหนังสือมา ก็เปิดไปหน้าสุดท้ายเลย แล้วดูว่าหนังสือเล่มนั้นมีกี่หน้า แล้วถามตัวเองว่าต้องการอ่านเล่มนี้ให้จบภายในระยะเวลากี่วัน แล้วกำหนดขั้นต่ำที่ต้องอ่านต่อวันออกมา เช่น ถ้าหนังสือมี 600 หน้า ต้องการอ่านให้จบภายใน 30 วัน คุณต้องอ่านอย่างน้อยวันละ 20 หน้าต่อวัน คุณจะอ่านเมื่อไรก็ได้ ครั้งละกี่หน้าก้ได้ แต่ภายในหนึ่งวันคุณต้องอ่านให้ครบ 20 หน้า เท่านี้เอง รับรองได้ว่าในหนึ่งปี คุณจะมีหนังสือที่อ่านจบไม่น้อยเลยทีเดียว อย่าลืม โน้ตวันที่ๆ เริ่มอ่านและวันที่อ่านจบเอาใว้ที่หน้าแรกด้วย ถ้าคุณทำได้ในเรื่องการอ่าน คุณจะกลายเป็นคนที่มีวินัยในเรื่องอื่นๆ ด้วยอย่างแน่นอน
5.Social Media Detox
ก็เหมือนร่างกายนั่นแล่ะ เวลาที่เรากินอะไรมั่วๆ ร่างกายก็รับเอาสิ่งที่เป็นพิษไว้มาก ผลลัพท์คือความอ้วน ไตทำงานหนัก ร่างกายอ่อนโรย จิตใจก็เช่นเดียวกัน บางครั้งเราก็รับเอาอะไรเป็นพิษเข้าไปในสมองโดยไม่ได้ตั้งใจจากโซเชี่ยลมีเดีย เราอาจจะไม่อยากรับรู้ว่ามีใครตาย มีรถคว่ำที่ไหน ศพของคนที่ถูกฆาตกรรมเน่าเฟะขนาดไหน แต่เมื่อเลื่อนหน้าจอไป เราอาจจะต้องรับรู้เรื่องราวเหล่านี้อยู่ดี มันเข้ามาที่ตัวเราทันทีที่เราเห็น ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม ดังนั้นการกำหนดช่วงเวลาให้ตัวคุณปราศจากของเสียทางสื่อเหล่านี้ อาจช่วยให้คุณมีแรงบันดาลใจใหม่ๆ มีความคิดดีๆ ที่ไม่หดหู่เกิดขึ้นระหว่างที่คุณทำดีท็อกซ์จิตใจนี้ ลบแอ็พออกไปเลยเดือนนึง!
6.ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน
ท้าทายตัวเองในสิ่งที่คุณไม่ถนัดหรือไม่คิดจะทำมาก่อน เพื่อให้สมองได้ขยายเส้นทางใหม่ๆ ถ้าคุณไม่ใช่คนที่กล้าเสี่ยง คุณก็อาจจะไม่ต้องถึงกับลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าๆ แบบโดดบันจี้จั๊มหรืออะไรแบบนั้น แค่การลองหัดเขียนหนังสือด้วยมือข้างที่ไม่ถนัด เปลี่ยนเส้นทางการเดินทาง หรือการไปสถานที่ๆ ใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเคย ก็อาจจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว เมื่อคุณต้องการพัฒนาและเติบโต คุณต้องต้องโดดออกจาคอมฟอร์ตโซนบ้าง อะไรที่ทำไปตามความถนัดความเคยชิน มันจะทำให้จิตวิญญาณแห้งเหี่ยวเฉาตายได้ ฝืนแรงต้านของความเคยชินไปเรื่อยๆ ลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำไปเรื่อยๆ แล้วคุณจะพบว่าตัวคุณเองได้ขยายศักภาพย์ของตัวเองออกไปได้อีก
มันช่วยสร้างความแตกต่างให้แก่ชีวิตของคุณได้มหาศาลอย่างแน่นอน
7.ออกเดินทางท่องเที่ยว
ข้อนี้เป็นสิ่งที่คนทั่วไปรู้กันอยู่แล้วว่า มันช่วยเพิ่มแรงบันดาลใจให้กับชีวิตได้อย่างแน่นอน บางครั้งมันก็ยากสำหรับใครหลายคน ที่มีความยุ่งยากในชีวิตหลายอย่าง ทั้งเรื่องงาน เรื่องเวลา ถ้าคุณเช็คตัวเองแล้วเจอว่าครั้งสุดท้ายที่คุณได้ไปท่องเที่ยวคือตอนสอบเสร็จสมัยมัธยมแล้วล่ะก็ นั่นเป็นเพราะคุณไม่เคยใส่การท่องเที่ยวให้เป็นหนึ่งในเป้าหมายชีวิตของปีเลยน่ะสิ อย่ารู้สึกผิดที่จะเพิ่มการท่องเที่ยวเข้าไปในแผนการของการใช้ชีวิตบ้าง เพราะถ้าวันนี้คุณยังหดหู่ใจต่อชีวิตอยู่ทุกวัน การที่คุณไม่เที่ยวเลยก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตของคุณดีไปมากกว่านี้ แล้วยิ่งปัจจุบันมีทางเลือกให้แก่นักท่องเที่ยวมากมาย คุณสามารถเที่ยวได้ในงบประมาณที่คุณมีได้ และนั่นมันยังทำให้คุณมีไฟที่จะทำงานหรือหารายได้เสริมอีกด้วยนะ หาเพื่อนสักคนแล้วลุย หรือถ้าคุณจะท้าทายตัวเองหน่อยจะออกเดินทางคนเดียวเลยก็ยังได้
8.ฝึกนั่งสมาธิ
มีงานวิจัยชื่อ “Eight weeks to a better brain” ซึ่งจัดทำโดยทีม Psychiatry Research Neuroimaging ของ Harvard-affiliated researchers at Massachusetts General Hospital (MGH) ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยบันทึกภาพสมองของอาสาสมัคร 16 คน ก่อนหน้าและหลังจากการวิจัย ที่ให้อาสาสมัครได้ฝึกสมาธิ และตอบชุดคำถามต่างๆ ผลลัพท์คือ การฝึกสมาธิมีผลโดยตรงต่อการพัฒนาของสมอง จึงได้ผลสรุปว่า การฝึกสมาธิช่วยให้การทำงานของสมองดีขึ้น ส่งผลออกมาเป็นความคิดและอารมณ์ที่ดีขึ้น สามารถจัดการกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น นี่ไม่ใช่งานวิจัยเดียวที่ให้ผลสรุปแบบนี้นะคะ ยังมีงานวิจัยอีกมากมายจากหลายๆ ประเทศที่รายงานผลลัพท์ที่ดีของการฝึกสมาธิ เสียสละเวลาสัก 30 นาทีต่อวันเพื่อนั่งสมาธิดู แล้วคุณจะค่อยๆ พัฒนาสติและปัญญาในการใช้ชีวิตและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน แล้วความเบื่อหรือความหดหู่ใดๆ จะทำร้ายคุณไม่ได้อย่างแน่นอนค่ะ
9.ดูแลสุขภาพ
คุณอาจจะไม่ใช่คนที่ชอบออกกำลังกายมากนัก แต่การออกกำลังกายก้เป้นสิ่งจำเป็น และสำคัญต่อชีวิตคนปัจจุบันมากที่สุด เพราะเราอยู่ในยุคที่แทบไม่ต้องออกแรงอะไรเลย ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะให้ของที่เราต้องการมาอยู่ตรงหน้า แต่มันต่างกันกับเรื่องสุขภาพ คุณไม่สามารถทำให้มันดีได้ด้วยการคลิ้กออเดอร์ คุณต้องลุกขึ้นมาทำด้วยตัวเองเท่านั้น สลัดความน่าเบื่อทิ้งไป ด้วยการเริ่มต้นวางแผนการออกกำลังกายขึ้นมา วิเคราะห์จากตัวคุณเองว่าคุณเป็นคนที่เหมาะสมกับการออกกำลังแบบไหน เช่น ถ้าคุณเคยบาดเจ็บที่เข่ามา การวิ่งก็อาจจะไม่เหมาะกับคุณ คุณอาจจะต้องการโยคะ พิลาติส หรือ ว่ายน้ำเป็นต้น แทรกมันลงไปในวันที่แสนจะเหน็ดเหนื่อยเมือนล้าจากการทำงานนั่น เมื่อคุณฝืนออกกำลังกายนานมากพอ จนมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของคุณแล้ว รับรองเลยว่าคุณจะหยุดทำมันไม่ได้เลย ร่างกายของคุณจะสดชื่อ สมองจะปลอดโปล่ง หลับสบาย อย่างน้อยถึงคุณจะยังไม่หายเบื่อชีวิต แต่คุณก็จะเป็นคนเบื่อชีวิตที่มีสุขภาพแข็งแรง เมื่อวันนึงที่คุณรู้ว่าอะไรคือความน่าตื่นเต้นของชีวิต คุณก็พร้อมที่จะกระโดดเข้าไปทำโดยไม่ต้องกังวลเรื่องสุขภาพ
10.ช่วยเหลือผู้อื่น
บางครั้งการที่เราขาดแรงบันดาลใจในการชีวิตอาจจะมาจาก การที่เราไม่รู้คุณค่าของตัวเอง การที่เรารู้ว่าตัวเองมีประโยชน์ สามารถสร้างคุณค่าให้แก่คนอื่นหรือสังคม จะช่วยก่อให้เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง รักตัวเอง การเห็นคุณค่าในตัวเอง(Self-Esteam) สิ่งเหล่านี้ช่วยป้องกันคุณจากโรคซึมเศร้าหรือปัญหาทางจิตใจอื่นๆ ได้ ออกไปทำประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ เช่น เป็นอาสาสมัครในโครงการต่างๆ การจัดกิจกรรมเพื่อสังคม หรือแม้แต่การแบ่งปันความรู้ที่คุณมีให้แก่ผู้อื่นผ่านโลกออนไลน์ อะไรก็ได้ที่คุณทำแล้วรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่มีประโยชน์แก่ผู้อื่น เป็นเรื่องที่คุณได้เสียสละเพื่อส่วนรวม การฝึกลดอัตตาแบบนี้จะทำให้คุณเป้นคนยึดติดน้อยลง ผลลัพท์คือคุณจะสบายใจมากขึ้น และมีแรงบันดาลใจมากขึ้น
ลองเลือกสักข้อ แล้วลงมือทำอย่างจริงจัง คุณอาจจะมีแรงบันดาลใจใหม่ๆ อย่างไม่คาดคิด Geek way ขอสนับสนุนให้ทุกคนใช้ชีวิตด้วยความกระตือรือร้นและมีแพสชั่น
แหล่งอ้างอิง
: http://www.collective-evolution.com/2014/12/11/harvard-study-unveils-what-meditation-literally-does-to-the-brain/
: http://theblissfulmind.com/2015/11/09/personal-goal-examples/